วิธีเปิด Debug WordPress

วิธี Debug WordPress

สามารถเปิดโหมดดีบัก (Debug Mode) ของ WordPress ได้โดยการแก้ไขไฟล์ wp-config.php


วิธีเปิด Debug Mode ใน WordPress

  1. เข้าถึงไฟล์ wp-config.php:
    • ใช้โปรแกรม FTP client (เช่น FileZilla) เพื่อเชื่อมต่อกับโฮสติ้ง
    • หรือใช้ File Manager ใน cPanel/Plesk ของโฮสติ้ง
  2. ค้นหาไฟล์ wp-config.php: ไฟล์นี้มักจะอยู่ในไดเรกทอรีหลักของ WordPress (public_html หรือ htdocs)
  3. แก้ไขไฟล์:
    • เปิดไฟล์ wp-config.php ด้วย Text Editor (เช่น Notepad++, VS Code, หรือ Editor ใน File Manager)มองหาบรรทัดที่เขียนว่า /* That's all, stop editing! Happy publishing. */ ก่อนบรรทัดนั้น ให้เพิ่มโค้ดต่อไปนี้:
define( 'WP_DEBUG', true );
define( 'WP_DEBUG_LOG', true );
define( 'WP_DEBUG_DISPLAY', false );
@ini_set( 'display_errors', 0 );
  • คำอธิบายโค้ด:
    • define( ‘WP_DEBUG’, true ); : เปิดใช้งานโหมดดีบักหลัก
    • define( ‘WP_DEBUG_LOG’, true ); : บันทึกข้อผิดพลาดทั้งหมดลงในไฟล์ debug.log ซึ่งจะอยู่ในโฟลเดอร์ /wp-content/ (แนะนำอย่างยิ่งสำหรับ Production Site)
    • define( ‘WP_DEBUG_DISPLAY’, false ); : ไม่แสดงข้อผิดพลาดบนหน้าจอเว็บไซต์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เข้าชมเห็นข้อผิดพลาด (สำคัญสำหรับ Production Site)
    • @ini_set( ‘display_errors’, 0 ); : ปิดการแสดงผลข้อผิดพลาด PHP เพิ่มเติมที่อาจถูกตั้งค่าโดยเซิร์ฟเวอร์
  1. บันทึกและอัปโหลด/บันทึกไฟล์: หลังจากเพิ่มโค้ดแล้ว ให้บันทึกการเปลี่ยนแปลงและอัปโหลดไฟล์ wp-config.php กลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ (หากใช้ FTP) หรือบันทึกการเปลี่ยนแปลงโดยตรง (หากใช้ File Manager)

เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว

เมื่อดีบักเสร็จสิ้นแล้ว อย่าลืมเปลี่ยนค่า true เป็น false ในโค้ดทั้งสามบรรทัด (หรือลบโค้ดออกทั้งหมด) เพื่อปิดโหมดดีบัก เพราะการเปิด Debug Mode ทิ้งไว้อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของเว็บไซต์และความปลอดภัย